Nintendo เป็นที่รู้จักในด้านเกม Co-op มาตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของวงการเกม และแม้ในยุคที่เกมออนไลน์กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ชื่อเสียงของ Nintendo ในเรื่องนี้ก็ยังยืนหยัดมาจนถึงยุคเครื่อง Nintendo Switch โดยเครื่องเล่นเกมคอนโซล/พกพาไฮบริดนี้ เหมาะสำหรับการเล่น Co-op ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์จากผู้พัฒนาเกมหลาย ๆ ค่าย และในวันนี้เราจะพาทุกคนมาพบกับ 10 เกม Co-op ห้ามพลาดบน Switch ที่บอกได้เลยว่างานดี เล่นเพลิน ต้องบอกต่อ!
1. Cuphead
Cuphead เกมอินดี้ที่ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์เป็นอย่างมาก โดยเกม Cuphead ผลงานของ Studio MDHR เป็นเกมอินดี้ที่ผสมผสานความน่ารักและความเข้มข้นได้อย่างลงตัว โดยภายในเกมนี้ผู้เล่น 2 คนสามารถผนึกกำลังกันรับบทเป็นถ้วยกาแฟในเกมแอ็กชั่นวิ่งและยิง (Run and Gun) สุดโหด เกมนี้ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากการ์ตูนคลาสสิคยุค 1930 และยุคแจ๊ส ทำให้มีภาพสไตล์ที่น่ารักและเน้นย้ำถึงกลิ่นอายของเกมแบบย้อนยุค นอกจากนี้ เกมนี้ยังพาย้อนกลับไปในเกมยุค 80 และ 90 ด้วยระดับความยากที่สูงลิ่ว ตัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีสัน
2. Super Mario 3D World + Bowser’s Fury
Super Mario 3D World + Bowser’s Fury เป็นหนึ่งในเกมรีมาสเตอร์และพอร์ตเกม Wii U ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุค Nintendo Switch เกมนี้ได้รับการยกย่องอย่างสูงทั้งเวอร์ชั่นดั้งเดิมและเวอร์ชั่น Switch โดยมี Mario และผองเพื่อนออกผจญภัยในหลากหลายด่านที่มีสีสันบนพื้นผิว 3 มิติ ซึ่งภายในเกมเวอร์ชั่นนี้ประกอบด้วยเกมหลักที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ บวกกับส่วนขยาย DLC เพิ่มเติม โดยเกมหลักมีโหมด Co-op 4 ผู้เล่นที่สนุกสนานและเร้าใจที่สุดในแฟรนไชส์
3. Mario Party Superstars
ท่ามกลางแฟรนไชส์ Super Mario ที่มีอยู่มากมาย Mario Party ถือเป็นซีรีส์ที่ให้ความสำคัญกับการเล่น Co-op มากที่สุด เกมเพลย์หลักของเกมคือการเล่นมินิเกมที่มีหลากหลายแบบ ซึ่งถือเป็นแก่นสำคัญของเกมประเภทปาร์ตี้ และ Mario Party Superstars ก็เป็นเกมที่ปรับปรุงขึ้นอย่างมากจากภาคก่อนหน้าที่หลายคนมองว่าเนื้อหามีน้อย แต่ Mario Party Superstars กลับเป็นเกมที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและชวนให้นึกถึงบรรยากาศในยุค N64 ของซีรีส์นี้ ด้วยกระดานเกมที่สร้างใหม่และมินิเกมกว่า 100 เกม
4. Teenage Mutant Ninja Turtles: Shredder’s Revenge
แฟรนไชส์ Teenage Mutant Ninja Turtles เป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของคนทั่วโลกในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 จากการออกอากาศซีรีส์อนิเมชั่นทางโทรทัศน์ แถมแฟรนไชส์นี้ยังมีประวัติศาสตร์อันน่าประทับใจในวงการเกมอีกด้วย โดยเกม Teenage Mutant Ninja Turtles: Shredder’s Revenge ของ Tribute Games เป็นการย้อนกลับไปสู่รากเหง้าเกม Beat-’em-up ของแฟรนไชส์ โดยเกมนี้ให้ผู้เล่นสวมบทบาทเป็นพี่น้องเต่าทั้ง 4 เพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอย่าง Shredder และ Shredder’s Revenge ยังรองรับโหมด Co-op สูงสุด 6 ผู้เล่นอีกด้วย เกมนี้ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์อย่างมากสำหรับระบบการต่อสู้ที่สนุกสนานและเป็นการแสดงความเคารพต่อยุคทองของเกมอาร์เคดได้อย่างน่าประทับใจ โดยผสมผสานการออกแบบเกมสมัยใหม่ออกมาได้อย่างลงตัวและดีเยี่ยม
5. Rocket League
Rocket League เกมเล่นฟรีสุดมันส์จากผู้พัฒนา Psyonix เป็นเกมที่ผสมผสานการแข่งรถโกคาร์ทเข้ากับฟุตบอลอย่างลงตัว ผู้เล่นจะได้ขับรถที่ขับเคลื่อนด้วยจรวดเพื่อชนลูกบอลขนาดยักษ์และทำประตูของฝ่ายตรงข้าม เกมนี้มาพร้อมเกมเพลย์ที่สนุกสนานและท้าทายสามารถเพลิดเพลินได้อย่างสบาย ๆ กับเพื่อน ๆ หรือแข่งขันกันในระบบจับคู่ เกมดังกล่าวยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น โหมดกีฬาต่าง ๆ การตั้งค่าการแข่งขันที่กำหนดเอง และการเล่นข้ามแพลตฟอร์ม ทำให้เกมนี้เป็นเกมที่เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าคุณจะชอบเกมแข่งรถหรือฟุตบอล เกมนี้จะทำให้คุณสนุกสนานและตื่นเต้นได้อย่างแน่นอนคำพูดจาก คาสิโนออนไลน์ที่ดีที่สุดในทวีปเอเชีย
6. Diablo III
Diablo III เป็นเกมแอ็กชั่น RPG สุดมันส์ที่ผู้เล่นสามารถเลือกจากคลาสตัวละครต่าง ๆ และออกเดินทางผจญภัยแฟนตาซีอันมืดมิดเพื่อเอาชนะวายร้ายปีศาจที่ชื่อ Diablo เกมนี้สนุกสนานและน่าดึงดูดใจทั้งในการเล่นคนเดียวและแบบผู้เล่นหลายคน ซึ่งจุดเด่นของเกมนี้คือระบบการต่อสู้ที่รวดเร็วและดุเดือด ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ทักษะและอาวุธต่าง ๆ เพื่อกำจัดศัตรูที่หลากหลาย เกมนี้ยังรองรับการเล่นแบบผู้เล่นหลายคนสูงสุด 4 คน ทำให้ผู้เล่นสามารถร่วมมือกันเพื่อเอาชนะความท้าทายต่าง ๆ ได้ทำให้ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินไปกับระบบการต่อสู้ที่รวดเร็ว การเล่นซ้ำ และการสำรวจดันเจี้ยนได้แบบลืมเวลา
7. Monster Hunter Rise
แฟรนไชส์ Monster Hunter ของ Capcom ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายนับตั้งแต่เกม Monster Hunter World และ Monster Hunter Rise ก็กลายเป็นหนึ่งในเกมแอ็กชั่น RPG ที่ดีที่สุดบน Nintendo Switch อย่างรวดเร็ว โดยในภาค Rise จะพาผู้เล่นออกผจญภัยในดินแดน Kamura เพื่อล่ามอนสเตอร์ทั้งใหม่และเก่า เช่นเดียวกับ World Rise ที่มาพร้อมกับระบบใหม่อย่างระบบขี่มอนสเตอร์และ Wirebug ช่วยให้แผนที่มีมิติมากขึ้น ทำให้การสำรวจในโหมด Co-op สนุกยิ่งขึ้นไปอีก ที่สำคัญกว่านั้นคือ อาวุธที่หลากหลายที่มีให้ ทักษะ และมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง ผสมผสานกันเพื่อสร้างการต่อสู้กับบอสที่ตื่นเต้นเร้าใจในกลุ่ม 4 คนอีกทั้งส่วนขยาย Sunbreak เสริมความแข็งแกร่งให้กับเกมหลัก เพิ่มเนื้อเรื่องใหม่ มอนสเตอร์ และแผนที่ที่ทำให้เกมนี้น่าเล่นขึ้นไปอีก
8. Super Smash Bros. Ultimate
Super Smash Bros. ถือเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์เกมต่อสู้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Nintendo โดยเกมภาคล่าสุดอย่าง Super Smash Bros. Ultimate เป็นภาคที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับผู้เล่นทั่วไป ด้วยตัวละครจากแฟรนไชส์ Nintendo มากมายให้เลือกเล่น ผู้เล่นสามารถสนุกสนานไปกับการต่อสู้แบบปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ได้อย่างเต็มที่ เกมยังมีเวทีที่หลากหลาย โหมดการเล่นที่หลากหลาย และไอเทมมากมายให้ผู้เล่นได้เลือกใช้ ทำให้เกมนี้สนุกสนานและเข้าถึงได้ง่าย
9. Mario Kart 8 Deluxe
Mario Kart เป็นหนึ่งในเกม Spin-off ที่ดีที่สุดของ Super Mario และ Mario Kart 8 Deluxe เป็นภาคที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งเกมนี้ยังคงรักษารูปแบบการเล่นดั้งเดิมที่สนุกสนานไม่รู้จบตั้งแต่ยุค Super Nintendo ไว้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ระบบการต่อสู้และสนามแข่งที่หลากหลายยังให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับเนื้อหามากมายไม่ว่าจะเล่นออนไลน์หรือเล่นกับเพื่อน ๆ ส่วนขยาย Booster Course Pass ที่กำลังดำเนินอยู่ยังเพิ่มสนามแข่งใหม่ ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และโหมดการเล่นแบบอื่น ๆ ก็ช่วยเพิ่มสีสันให้กับเกมอีกด้วย
10. Stardew Valley
Animal Crossing ถือได้ว่าเป็นแฟรนไชส์เกมจำลองชีวิตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ Stardew Valley ของ ConcernedApe ก็กลายเป็นปรากฏการณ์ในแบบของตัวเองเช่นกัน เกมนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเกมอย่าง Animal Crossing และ Story of Seasons (เดิมชื่อ Harvest Moon) Stardew Valley ได้พัฒนาเอกลักษณ์ของตัวเองด้วยรูปแบบการเล่นที่ลื่นไหลและผ่อนคลาย แต่ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือ ConcernedApe มอบการสนับสนุนหลังการเปิดตัวที่น่าประทับใจ โดยอัปเดตผู้เล่นหลายคนมาถึง Switch ในปี 2018 ผู้เล่นสามารถเชื่อมต่อเป็นกลุ่มได้สูงสุด 4 คน โดยมีกิจกรรมสนุก ๆ มากมายให้ทำ ตั้งแต่การปลูกพืชผักผลไม้ ทำความรู้จักกับผู้คนในเมือง ไปจนถึงการสำรวจดันเจี้ยน
ทั้งหมดนี้คือ 10 เกม Co-op บน Switch ที่ผู้เล่นไม่ควรพลาด ซึ่งเรียกได้ว่าแต่ละเกมก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ผู้อ่านคนใดประทับใจเกมไหนเป็นพิเศษก็มาคอมเมนต์พูดคุยกันได้นะครับ
cbrCo-op Nintendo Switch